บานพับประตูเป็นอุปกรณ์ชิ้นเล็กที่หลายคนมองข้าม แต่มีผลอย่างมากต่อการใช้งาน ความสวยงาม และอายุการใช้งานของประตูและหน้าบานเฟอร์นิเจอร์ หากเลือกบานพับไม่เหมาะสม อาจเกิดปัญหาประตูตก เสียงดัง เปิด–ปิดฝืด หรือแม้แต่ส่งผลต่อดีไซน์โดยรวมของงานอินทีเรีย ซึ่งการเลือกบานพับควรพิจารณาจากน้ำหนัก,ขนาดของประตูและหน้าบานเป็นอันดับแรก ตามด้วยตำแหน่งการใช้งาน นอกจากนี้วัสดุของบานพับ เช่น สเตนเลส เหล็ก หรือทองเหลือง ก็มีผลต่อความทนทานและการใช้งานในระยะยาว บทความนี้จะพาไปรู้จักประเภทของบานพับประตู การเลือกใช้งานที่เหมาะสม พร้อมข้อดีและข้อเสียของแต่ละแบบ
ประเภทของบานพับที่นิยมใช้งาน
1. บานพับผีเสื้อหรือบานพับทั่วไป (Butt Hinge)

เป็นบานพับที่พบได้บ่อยที่สุด ใช้กับประตูไม้, ประตู UPVC หรือประตูทั่วไปตามบ้านและอาคารสำนักงาน มีลวดลายคล้ายปีกผีเสื้อ
เหมาะกับ: ใช้ได้ทั้งประตูภายในและประตูภายนอก
ข้อดี: แข็งแรง ติดตั้งง่าย หาซื้อง่าย ดีไซน์สวย
ข้อเสีย: เห็นตัวบานพับชัด อาจไม่เหมาะกับงานที่ต้องการความเรียบหรูหรือซ่อนฮาร์ดแวร์
2. บานพับถ้วย (Concealed / Cup Hinge)
นิยมใช้กับบานตู้และเฟอร์นิเจอร์บิ้วอิน สามารถปรับระยะได้
เหมาะกับ: ตู้เสื้อผ้า ตู้ครัว เฟอร์นิเจอร์บิ้วอินที่มีหน้าบาน
ข้อดี: ซ่อนบานพับ ทำให้หน้าบานดูเรียบ สามารถปรับระดับได้ละเอียด
ข้อเสีย: ไม่เหมาะกับประตูขนาดใหญ่ ติดตั้งซับซ้อนกว่าบานพับทั่วไป

3. บานพับซ่อนหรือบานพับข้อเสือ (Concealed Door Hinge)

บานพับที่ถูกซ่อนไว้ในโครงประตู มองไม่เห็นเมื่อปิดบาน เหมาะกับ: งานอินทีเรียหรู ประตูโมเดิร์น ประตู Minimal ประตูบานเฟี้ยม
ข้อดี: ดีไซน์เรียบหรู ซ่อนฮาร์ดแวร์ทั้งหมด เพิ่มความสวยงาม เพิ่มลูกเล่นให้กับงานอินทีเรีย
ข้อเสีย: ราคาสูง ติดตั้งต้องอาศัยความชำนาญ และรองรับน้ำหนักได้จำกัดตามรุ่น
4. บานพับสวิง (Swing Hinge)
มีสปริงในตัว ทำให้ประตูปิดเองอัตโนมัติ
เหมาะกับ: ประตูที่เน้นการใช้งานบ่อย สามารถเปิดเข้า-ออก ได้ทั้งสองทาง
ข้อดี: ประตูปิดเอง ลดการลืมปิด เพิ่มความเป็นระเบียบ
ข้อเสีย: หากตั้งแรงสปริงไม่ดี อาจทำให้ประตูปิดแรงหรือเกิดเสียงดัง ไม่สามารถเปิดค้างได้หากต้องการขนของ

(อ้างอิงรูปภาพจาก HAFELE)
5. บานพับข้อศอก (Elbow Hinge)
